นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หากรัฐพิจารณาปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวด ม.ค.-เม.ย. 66 เพิ่มขึ้นอีกจากปัจจุบันเฉลี่ยค่าไฟรวมอยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วย จะส่งผลให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเฉลี่ยประมาณ 5-12% ขณะเดียวกันยังจะกระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือเอฟดีไอ ที่กำลังย้ายฐานท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย
ทั้งนี้ ภาครัฐควรจะต้องทบทวนโครงสร้างพลังงานของไทยใหม่เพื่อดูแลค่าพลังงานในระยะยาวให้อยู่ในทิศทางที่เหมาะสมและสอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการก้าวสู่พลังงานสะอาดเพื่อดูแลทุกกลุ่มผู้ใช้ไฟ ซึ่งกรณีเวียดนามจะไม่เน้นผลักภาระค่าไฟให้กับภาคอุตสาหกรรม และมุ่งส่งเสริมให้ครัวเรือนประหยัดไฟฟ้าซึ่งตรงกันข้ามกับไทย
“รัฐควรจะต้องเร่งส่งเสริมการผลิตไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ทุกระดับที่จะนำมาใช้เองและเหลือก็จำหน่ายเข้าระบบโดยอำนวยความสะดวกให้ง่ายขึ้น ส่งเสริมเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างเอทานอลโดยการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 20 เพื่อลดการนำเข้าน้ำมัน เป็นต้น” นายเกรียงไกรกล่าว
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ที่ผ่านมา ส.อ.ทคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ได้เสนอคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กกร.) และทำหนังสือไปยังกระทรวงพลังงาน คณะกรรมการการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ฯลฯ เพื่อขอให้ชะลอการปรับขึ้นค่าไฟงวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย. 66) โดยให้หันมาแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุโดยยึดหลักการทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมแบกภาระ
“ต้องยอมรับว่า ต้นเหตุแห่งวิกฤติค่าไฟหลักๆ มาจากการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทานแหล่งก๊าซเอราวัณที่ล่าช้า จนทำให้ต้องไปนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ตลาดจรที่ราคาสูงมากมาผลิตไฟแทน และขาดแผนรับมือล่วงหน้าอย่างทันท่วงที” นายอิศเรศ กล่าวคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
นอกจากนี้ ค่าไฟที่สูงขึ้นมาจากสำรองที่สูงกว่าปกติจากการผลิตที่มีมากกว่าความต้องการ แต่สัญญายังกำหนดให้รับซื้อไฟจากเอกชนต้องจ่ายค่าความพร้อมจ่าย คือ ไม่ผลิตไฟก็ต้องจ่ายเงินให้ กลายเป็นภาระต้นทุนยิ่งสูงขึ้น และเป็นการเปิดซื้อไฟมากเกินความจำเป็น ฯลฯ ดังนั้น จึงต้องเร่งแก้ไขประเด็นเหล่านี้ และเร่งเปิดไฟฟ้าเสรี